ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย “วรรณคดี” เป็นหลักฐาน “ประวัติศาสตร์สังคม”

เรียนรู้อดีต รับใช้ปัจจุบัน สร้างสรรค์อนาคต” เป็น ที่รู้กันดีในประเทศทุนนิยมก้าวหน้า เช่น ฮอลลีวู้ด(อเมริกา), โอชิน(ญี่ปุ่น), แดจังกึม(เกาหลี), สามก๊ก(จีน), กำลังภายใน(ฮ่องกง, ไต้หวัน) แม้กระทั่งนาร้าย-นารายณ์(อินเดีย)
เพราะประเทศเหล่านี้เข้าใจดีว่าความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์โบราณคดี วรรณคดีเพลงดนตรีดั้งเดิม มีพลังมหาศาลผลักดันให้เกิดงานสร้างสรรค์, และเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ในนาม Creative Economy, Creative City, Creative Thailand
ยกเว้นประเทศไทย มีกรณีตัวอย่างในกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อข้าราชการหัวนอกหัวหงอกหัวดำหัวเถิกหัวล้านพวกหนึ่ง “กึ่งดิบกึ่งดี” คิดว่าตัวเองเป็นฝรั่ง แต่หน้าลาว วางตนเป็นอำมาตย์” ผู้มีอำนาจสั่งการว่างานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ต้องเป็นเรื่องสมัยใหม่เท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับงานประวัติศาสตร์โบราณคดี วรรณคดี เพลงดนตรีไทยและสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์
ผลคืองานศิลปกรรมร่วมสมัยของไทยมักลอกแบบจากแม็กกาซีนทางศิลปะทั้งของฝรั่ง, ญี่ปุ่น, จนถึงเกาเหลาเกาหลี ไม่มีตัวตนของตนที่แท้จริง เพราะไม่รู้จักตัวเอง ศิลปินร่วมสมัยของไทยจำนวนไม่น้อยพากันแสดงออกอย่างผิวเผิน และเป็นทัวริสม์” เหมือนกิจกรรมทำเทียมในสยามสมาคม กับศูนย์มานุษยวิทยา แล้วทำกร่างอวดฝรั่งสร้างราคาด้วยรูปแบบที่ไม่มีเนื้อหาแต่ตกเป็นเหยื่อกิมจิ-แดจังกึมของเกาหลีที่มีกึ๋นมากกว่า เพราะเรียนรู้อดีต รับใช้ปัจจุบัน สร้างสรรค์อนาคตด้วยประวัติศาสตร์สังคมและวรรณคดี เพลงดนตรีดั้งเดิมของตน อาจารย์สอนวรรณคดีฝรั่งพวกหนึ่งอวดอุตริว่าไม่คิดว่าวรรณคดีจะเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้  ถ้าเอาวรรณคดีมาใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ จะอันตรายมาก” ที่สังคมไทยได้อาจารย์มีทัศนะอย่างนี้ นี่อันตรายมากกว่า ไม่อยากย้อนว่าถ้าอย่างนี้ที่ประเทศไทยเอาศิลาจารึก พ่อขุนรามคำแหงเป็นวรรณคดีเล่มแรกมาเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีเรื่อง ประดิษฐ์อักษรไทยก็อันตรายมากๆใช่ไหม? —บอกแล้วว่าไม่อยากย้อน
แท้ที่จริงแล้วอาจารย์ฝรั่งหัวแดงทั้งหลายในโลกทุนนิยมก้าวหน้า ล้วนเห็นพ้องต้องกันว่าวรรณคดี คือประวัติศาสตร์สังคม
ฉะนั้น ยิ่งประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยไม่มีสังคม ประวัติศาสตร์ไทยก็ยิ่งต้องศึกษาจากวรรณคดีไทย เพราะมีชีวิตและสังคมเต็มไปหมด หลังอังกฤษปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ พ.ศ. 2323 และหลังอังกฤษยึดครองอินเดียและลังกา ทำให้สยามมีการค้ามั่งคั่งจนเกิดมีคนชั้นกระฎุมพีมากขึ้น เช่น สุนทรภู่ เป็นต้น
คนชั้นกระฎุมพีต้องการดนตรีเพื่อฟังอย่างยุโรป แต่ดนตรีสยามไม่มีเพื่อฟัง          มีแต่เป็นส่วนประกอบพิธีกรรม หรือประกอบการแสดง เช่น โขนละคร เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เลยเริ่มมีดนตรีเพื่อฟัง เห็นได้ชัดจากการบรรเลงเพลงเดี่ยว หรือ Solo รู้จากวรรณคดีไหว้ครูปี่พาทย์ว่าครูมีแขกคนนี้เขาดีครัน เป่าทยอยลอยลั่นบรรเลงลือหมายความว่าครูดนตรีสยามชื่อมี เป็นเชื้อแขก ชำนาญเดี่ยวปี่เพลงทยอยมีชื่อเสียงร่ำลือทั้งกรุงเทพฯในหมู่คนชั้นนำ
สุนทรภู่เลยให้ตัวละครเอกในนิยายกลอน พระอภัยมณีเชี่ยวชาญเดี่ยวปี่ ดังเป็นที่รู้กัน ในวรรณคดีเรื่องนี้บอกให้รู้ว่าสังคมสยามครั้งนั้นให้คุณค่าดนตรีอย่างไร
ประวัติศาสตร์ไทยมีบอกเรื่องการล่าอาณานิคมของยุโรป แต่ไม่มีบอกว่าคนชั้นนำสยามยุคนั้นรู้สึกอย่างไรกับสงครามล่าเมืองขึ้นของ อังกฤษที่กำลังคืบคลานเข้าย่างกุ้ง,  สิงคโปร์ ฯลฯ ใกล้สยามเข้ามาทุกที
เรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่บอกไว้ทั้งเล่ม เพราะเป็นวรรณคดีต่อต้านการล่าอาณานิคมของอังกฤษเห็นได้จากให้อังกฤษเป็นโจร” ลักษณะต่อต้านอาณานิคม ดูได้จากสุนทรภู่กำหนดให้พระอภัยมณีแก้ปัญหาด้วยปัญญา คือดนตรีเป่าปี่ ไม่ใช้ความรุนแรง โดยเน้นเจรจาสันติวิธีกับนางละเวงวัณฬา ด้วยคำขวัญว่า
Make love and peace, not war.
 อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ รู้จักอดีตรับใช้ปัจจุบัน สร้างสรรค์อนาคตอย่างลึกซึ้ง ถึงได้รับยกย่องจากนานาชาติเป็น เฟื้อ หริพิทักษ์แห่งสยามประเทศไทย (ล่าง) พระพุทธบาทกลางน้ำ ภาพคัดลอกจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดพุทไธสวรรย์ จ. พระนครศรีอยุธยา เฟื้อ หริพิทักษ์ คัดลอกไว้เมื่อ พ.ศ. 2494 ขนาด 121.5 x 91 ซม. นับเป็นงานคัดลอก พุทธศิลป์ชั้นเลิศ ถ้าหากไม่ได้คัดลอกเก็บไว้ อาจจะถูกทำลายไปสิ้นแล้วก็เป็นได้ สามารถชมได้ที่หอศิลป์เจ้าฟ้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อันตรายของความผอม!

บางคนซีเรียสกับน้ำหนักตัวจนเกินไป ถึงกับต้องล้วงคอเพื่อให้อาเจียนเอาอาหารที่เพิ่งทานเข้าไปออกมา หรือที่เรียกว่า โรคบูลิเมีย เนอร์โวซา   ขณะที่บางรายถึงกับจำกัดอาหาร ลดปริมาณให้น้อยที่สุด ลดจำนวนมื้อ เลือกกินอาหารเพียงบางหมวดหมู่ เพราะไม่ต้องการให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากทุกครั้งที่ส่องกระจกจะรู้สึกว่า ตัวเองอ้วนเกินไป ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว คนๆนั้นมีรูปร่างที่พอดีหรือผอมไปด้วยซ้ำ อย่างนี้เข้าข่าย โรคอะนอร์เร็กเซีย เนอร์โวซา ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชนั่นเอง การลดน้ำหนักจำเป็นสำหรับคนที่ เป็นโรคอ้วนเพื่อลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพ แต่ถ้าน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์เหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะการที่ร่างกายผอมเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกาย 10 ระบบด้วยกัน ประกอบด้วย ‘ ระบบประสาทและสมอง ’   ความกังวลเรื่องน้ำหนัก ยังทำให้เป็นโรคซึมเศร้า หงุดหงิดและฉุนเฉียวง่าย ร่างกายอ่อนแอ จนเป็นลด หน้ามืด ‘ เส้นผม ’   คนผอมแล้วยังพยายามลดหุ่น เส้นผมจะเปราะขาดง่ายและไม่แข็งแรง เพราะขาดวิตามินและโปรตีน   ‘ ระบบหัวใจ ’   หัวใจเต้นช้าหรือเร็วผิดปกติ เสี่ยงหัวใจวาย และความดันโลหิตต่ำ ‘...

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

สำหรับบทความที่สองนั้น เป็นบทความเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระบาทอยู่หัวของเรา   ในเรื่องของ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นหลักในการใช้ชิวิตในยามที่เศรษฐกิจไม่ดี ที่ในหลวงพระราชทานไว้ให้เรา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งพระองค์ท่านทรงประทานไว้   ณ วันที่   4  ธันวาคม   2540  โดยทรงอธิบายว่า   "... ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง และทำได้เศษหนึ่งส่วนสี่เท่านั้นจะพอนั้น   ไม่ได้แปลว่า เศษหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่   แต่เป็นเศษหนึ่งส่วนสี่ ของการกระทำ..."   จากนั้น   ได้ทรงขยายความ   คำว่า   " พอเพียง" เพิ่มเติมต่อไปว่า   หมายถึง   " พอมีพอกิน"    "... พอมีพอกิน   ก็แปลว่า   เศรษฐกิจพอเพียง นั่นเอง    ถ้าแต่ละคน มีพอมีพอกิน ก็ใช้ได้   ยิ่งถ้าทั้งประเทศพอมีพอกิน ก็ยิ่งดี..."       "... ประเทศไทยสมัยก่อนนี้ พอมีพอกิน มาสมัยนี้อิสระ ไม่มีพอมีพอกิน จึงจะต้องเป็นนโยบายที่จะทำเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อที่จะให้ทุกคนพอเพียงได้ พอเพียงนี้ ก็หมายความว่า มีกิน มีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ห...

กาแฟลดน้ำหนักจริงหรือ

สังคมปัจจุบันมีค่านิยมอย่างสูงต่อ "การผอมแบบเพรียวลม" ที่นิยมกันมากในกลุ่มดาราและนางแบบ ก่อนที่จะแพร่หลายสู่กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน โดยพยายามทุกวิถีทางเพื่อเป็นคนที่ทันสมัยไม่ตกยุค ด้วยการรักษาเรือนร่างให้ผอมเพรียวลมเพื่อการแข่งขันกันตามกระแสสังคม ด้วยวิธีใดก็ได้ขอให้ผอมเพรียวลมเป็นเป้าหมายสูงสุด การโฆษณากาแฟลดน้ำหนักกันอย่างครึกโครม ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าการดื่มกาแฟแล้วจะทำให้รูปร่างผอมเพรียวลม แต่ผู้บริโภคทราบหรือไม่ว่า อันที่จริงแล้วการดื่มกาแฟลดน้ำหนักก็มีข้อเสียเหมือนกัน การโฆษณากาแฟลดน้ำหนัก ส่วนใหญ่จะโฆษณาด้วยการขายตรงแบบปากต่อปาก หรือการโฆษณาแอบแฟงตามสื่อมวลชนที่ไม่ได้พูดตรงๆ แต่ใช้กิจกรรมหรือท่าทางการสื่อสารให้เข้าใจว่ากาแฟนั้นช่วยลดน้ำหนักได้ด้วยสรรพคุณที่อ้างว่าสามารถลดน้ำหนักได้ จึงเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวและวัยทำงาน ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์กาแฟเป็นจำนวนมากมักอ้างว่าได้เพิ่มเติมสารอาหารบางอย่างที่ช่วยลดน้ำหนัก เช่น ไฟเบอร์(ช่วยเพิ่มกากอาหารในอุจจาระ) คอลลาเจน(พบได้ในเนื้อสัตว์ และจะถูกย่อยเป็นโปรตีนขนาดเล็กก่อนถูกดูดซึมเหมือนโปรตีนทั่วไป) รวมทั้งแอล-คาร์นิทีนและโครเมียม เ...